ช่วงฤดูฝนแบบนี้ สายฝนจะโปรยปรายลงมาตอนไหนก็ได้ แม้ว่าปริมาณฝนในปีนี้ดูจะน้อยกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ตกเลย ซึ่งเมื่อฝนตกก็มักจะเป็นอุปสรรคต่อการใช้รถใช้ถนนเสมอ ทำให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อย ถ้าผู้ขับขี่มีการทำประกัน รถยนต์แบบสมัครใจเอาไว้ด้วยก็อาจจะเบาใจได้บ้าง แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเลยจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในยามฝนตกถนนลื่นนั้นเป็นไปได้เสมอ และหากว่าขณะที่คุณขับขี่อยู่และไปพบว่าข้างหน้ารถเกิดอุบัติเหตุขึ้น คุณอาจเห็นเหตุการณ์ขณะที่เกิดอุบัติเหตุเลยด้วยซ้ำ คำถามคือ คุณจะต้องทำอย่างไรทำอะไรบ้าง ถึงจะช่วยผู้ประสบเหตุได้ เรามี 6 ขั้นตอนที่ควรทำเมื่อพบรถประสบอุบัติเหตุมาแนะนำทุกคน
1.ตั้งสติและประเมินสถานการณ์
เบื้องต้นตั้งสติตนเองก่อน อย่าเพิ่งตกใจเกินไป หลังจากนั้นก็ประเมินสถานการณ์ว่าเหตุการณ์มีความรุนแรงแค่ไหนอย่างไร ถ้าเป็นการเฉี่ยวชนธรรมดาที่ทั้งสองฝ่ายทำประกันรถยนต์ไว้ ตรงนี้ก็ไม่เป็นปัญหา ทั้งสองฝ่ายก็คงจะขอโทรเรียกประกันกันเอง แต่ถ้าเหตุรุนแรงก็ให้คุณประเมินสถานการณ์ว่าพอทำอะไรได้บ้าง ดูความพร้อมของตนเองก่อนตัดสินใจว่าจะช่วยอย่างไร
2.ระวังป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมา
เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว คุณจะรู้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับรถกี่คัน จุดเกิดเหตุอยู่ในจุดเสี่ยงหรือไม่ บางครั้งอุบัติเหตุเกิดขึ้นในจุดที่ใช้ความเร็วได้ รถที่ขับตามมาแต่ละคันก็จะมาอย่างเร็ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนได้ ขั้นตอนที่สองนี้จึงเป็นเรื่องของการส่งสัญญาณเตือนเพื่อนร่วมทางให้ระวังอุบัติเหตุข้างหน้า อาจใช้วิธีการส่งสัญญาณเตือนไฟกะพริบ ถ้าจะลงไปช่วยและมีชุดสะท้อนแสงก็ให้สวมชุดสะท้อนแสงเพื่อเป็นสัญญาณ
3.มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่
ถ้าเหตุการณ์ไม่รุนแรงก็เข้าไปดูว่าผู้ขับขี่บาดเจ็บหรือไม่ ถ้าไม่บาดเจ็บก็ลองสอบถามว่ารถมีประกันรถยนต์หรือไม่ ถ้ามีประกันก็ให้โทรเรียกประกัน เพราะบางทีคนขับอาจจะยังช็อกต่อเหตุการณ์จนลืมไปว่าต้องทำอะไรบ้าง ส่วนถ้าเหตุการณ์รุนแรงก็ให้เข้าไปดูผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตว่ามีกี่ราย หลังจากนั้นให้รีบโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือโดยเร็ว
4.ดำเนินการติดต่อขอความช่วยเหลือ
ถ้าเห็นว่าอุบัติเหตุรุนแรง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ให้รีบติดต่อศูนย์ช่วยเหลือ โดยติดต่อไปที่สายด่วน 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งรถรับผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
5.ประเมินอาการของผู้บาดเจ็บ
ขณะที่แจ้งแก่ศูนย์ช่วยเหลือและรอเจ้าหน้าที่มาช่วย ควรประเมินอาการของผู้บาดเจ็บเป็นระยะ ๆ ด้วยว่าอยู่ในระดับไหน ซึ่งประเมินได้เบื้องต้นดังนี้
- ระดับเบา: ผู้ประสบเหตุยังมีสติพูดคุยได้ อาจมีแผลบ้างเล็กน้อย
- ระดับปานกลาง: เริ่มมีอาการมึนหรือปวดศีรษะ มีเลือดออกจากร่างกาย
- ระดับอันตราย: เริ่มไม่มีสติ เสียเลือดมาก
หากอยู่ในระดับเบา อาจไม่น่าห่วงอะไร รอเจ้าหน้าที่ได้ แต่ถ้าอยู่ในระดับปานกลางหรือระดับอันตราย จะต้องเฝ้าระวัง ถ้าเห็นว่าอาการไม่ดีให้ทำตามขั้นตอนสุดท้าย
6.หากจำเป็นก็ต้องปฐมพยาบาลเบื้องต้นกรณีที่จำเป็น
กรณีที่เข้าไปดูแล้วพบว่ามีผู้บาดเจ็บค่อนข้างหนัก ไม่สามารถรอเจ้าหน้าที่ได้ ต้องช่วยเหลือเร่งด่วนก็ให้ช่วยเหลือโดยการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งหากไม่มีความรู้ในการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ สิ่งที่ทำได้เบื้องต้นก็คือ พยายามเรียกผู้บาดเจ็บให้มีสติไว้ อย่าให้หลับ และพยายามบอกให้ผู้บาดเจ็บอย่าให้ทำการเคลื่อนไหวอยู่นิ่ง ๆ ไว้จนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาช่วย และไม่ควรนำน้ำไปให้ผู้บาดเจ็บดื่มเพราะจะทำให้เสียเลือดมากกว่าเดิม
ทั้ง 6 ข้อนี้ผู้ขับขี่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติตามได้ ก็จะได้ช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุได้อย่างถูกต้องเป็นขั้นเป็นตอน อุบัติเหตุไม่ว่าจะแย่แค่ไหน ถ้ามีประกันไว้คุ้มครองก็จะดีกว่าเสมอ หากสนใจประกันรถยนต์ที่ใช่ สามารถเข้าดูรายละเอียดได้ที่ EasyCompare เช็กแผนประกันได้แถมซื้อง่ายผ่านออนไลน์ สะดวกสุด ๆ ในยุคนี้